New GuidelinesAfter 25 years of progress in treating and controlling h translation - New GuidelinesAfter 25 years of progress in treating and controlling h Thai how to say

New GuidelinesAfter 25 years of pro

New Guidelines
After 25 years of progress in treating and controlling high blood pressure, improvements have begun to slow. Recent data show a slight rise in stroke, increases in kidney disease and heart failure, and a leveling in the death rate from heart disease among U.S. adults.

In response to this troubling trend, the National Heart, Lung, and Blood Institute (NHLBI) has issued new guidelines for the treatment and prevention of hypertension. The report, which was released in November 1997 and is the sixth issued by the agency since 1972, emphasizes lifestyle changes such as losing excess weight, exercising regularly, and eating a diet rich in fruits and vegetables and low-fat dairy foods.

And, for the first time, the NHLBI stratifies patients by blood pressure stage (1, 2, or 3) and into risk groups (A, B, or C). For example, a person with stage 1 hypertension -- 140-159 systolic pressure (the upper number) and 90-99 diastolic (the lower one) -- with no cardiovascular disease, organ damage, or other risk factors (risk group A) is advised to make dietary and exercise changes for a year before turning to medication. The previous guidelines called for initiation of drug therapy after 3-6 months of lifestyle modifications.

About 50 million adults in the United States have high blood pressure readings of 140/90 mm Hg or greater. The systolic reading measures arterial pressure when the heart contracts; the diastolic number is the pressure between heartbeats.

If left untreated, hypertension can lead to kidney disease, stroke, and heart attack. Cardiovascular disease is the leading cause of death among Americans; stroke is the third biggest killer.

Experts believe that many Americans have become complacent about managing their blood pressure because therapy is usually lifelong, some medications have troubling side effects and can be expensive, and hypertension has no symptoms until organ damage occurs.

Now the NHLBI recommends that all Americans -- not just those with hypertension -- follow a diet known as DASH, Dietary Approaches to Stop Hypertension. Low in fat and rich in fruits, vegetables, whole grains, and dairy products, this eating plan significantly and quickly lowered blood pressure in hypertensive participants enrolled in a multicenter study published in the April 17, 1997, issue of the New England Journal of Medicine.

The 459 volunteers were randomly assigned to a control diet based on what most Americans eat (37% of calories from fat); a similar regimen with added fruits and vegetables; or a "combination" diet that contained 2-7% of calories from fat, plenty of fruits and vegetables, grains, low-fat or nonfat dairy products, and small amounts of meat, fish, or poultry, and nuts. (For more detail on the DASH diet, see the Web site http://dash.bwh. harvard.edu).

After following the combination, or DASH, plan for eight weeks, those with hypertension had an average 11.4 mm Hg drop in systolic and 5.5 mm Hg reduction in diastolic pressure -- results comparable to some drug therapies. Participants with borderline-high pressure experienced improvements as well, suggesting that the DASH diet may keep some people from developing hypertension in the first place. The diet higher in fats but also rich in fruits and vegetables also lowered pressure, but not by as much as the DASH plan. All reductions occurred without people changing their salt intake, alcohol consumption, or weight -- factors known to influence blood pressure. (See box.)

When medications are needed, thiazide diuretics or beta-blockers (propranolol, timolol) are recommended as the first line of treatment for hypertension that is not complicated by other diseases. Diuretics lower blood pressure by promoting the excretion of sodium and water by the kidney; beta-blockers decrease the rate and force at which the heart pumps blood into the arteries.

For the first time, the guidelines recommend specific classes of drugs for hypertensive people with various medical conditions. Those with diabetes and accompanying kidney damage should be given ACE inhibitors (captopril, enalapril), which facilitate blood flow by reducing vessel constriction. Heart attack survivors should be treated with beta-blockers and sometimes ACE inhibitors. Heart failure patients should receive ACE inhibitors and diuretics. And people with isolated systolic hypertension, where only the upper number is raised, should start with diuretics. The report advises against using the short-acting calcium channel blocker nifedipine, because some studies suggest that this form of the drug can aggravate or even promote heart problems.

Because African-Americans tend to develop hypertension earlier in life than Caucasians and have higher blood pressure, they and their doctors should be especially mindful of the disease. Blacks have an 80% greater rate of death from stroke and a 50% higher rate of death from heart disease than whites. This group also has an increased sensitivity to salt, and the report recommends that diuretics be used as an initial treatment because they remove salt from the body.

Hypertension is a major risk factor for many serious health problems, so prevention makes a great deal of sense. For those who already have high blood pressure, it is critical to work with a physician to keep pressure down. Prevention and treatment can mean the difference between life and death.
0/5000
From: -
To: -
Results (Thai) 1: [Copy]
Copied!
แนวทางใหม่หลังจาก 25 ปีของความคืบหน้าในการรักษา และควบคุมความดันโลหิตสูง ปรับปรุงได้เริ่มช้า ข้อมูลล่าสุดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในจังหวะ แสดงเพิ่มขึ้นในโรคไต และหัวใจล้มเหลว และการปรับระดับในอัตราการตายจากโรคหัวใจในผู้ใหญ่สหรัฐอเมริกาตอบสนองต่อแนวโน้มนี้ troubling ชาติหัวใจ ปอด และเลือดสถาบัน (NHLBI) ได้ออกแนวทางใหม่ในการรักษาและป้องกันความดันโลหิตสูง รายงาน ซึ่งถูกนำออกใช้ในเดือนพฤศจิกายนปี 1997 และเป็นที่หกที่ออก โดยหน่วยงานตั้งแต่ 1972 เน้นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตเช่นการลดน้ำหนักส่วนเกิน การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และกินอาหารที่อุดมไปด้วยผลไม้ และผัก และอาหารจากนมไขมันต่ำก ครั้งแรก NHLBI ใน stratifies ผู้ป่วยความดันโลหิตระยะ (1, 2 หรือ 3) และ เป็นกลุ่มเสี่ยง (A, B หรือ C) ตัวอย่าง บุคคลที่ มีถึงขั้น 1 - 140-159 ความดัน systolic (เลขบน) และ 90-99 เลี้ยง (หนึ่งล่าง) - กับการไม่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด อวัยวะเกิดความเสียหาย หรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ (ความเสี่ยงกลุ่ม A) ควรจะทำอาหาร และออกกำลังกายการเปลี่ยนแปลงปีก่อนเปลี่ยนไปใช้ยา คำแนะนำก่อนหน้านี้เรียกว่าการเริ่มต้นของการรักษาด้วยยาหลังจาก 3-6 เดือนของการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตผู้ใหญ่ประมาณ 50 ล้านในสหรัฐอเมริกามีความดันโลหิตสูงอ่านของ 140/90 mm Hg หรือมากกว่า อ่าน systolic วัดต้วความดันเมื่อหัวใจสัญญา หมายเลข diastolic เป็นความดันระหว่างเต้นหากไม่ถูกรักษาซ้าย ความดันโลหิตสูงอาจทำให้โรคไต โรคหลอดเลือดสมอง และหัวใจวาย โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุการตายในหมู่ชาวอเมริกัน จังหวะเป็นนักฆ่าที่สามที่ใหญ่ที่สุดผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า คนอเมริกันจำนวนมากเป็นอย่างพึงพอใจเกี่ยวกับการจัดการของความดันโลหิตเนื่องจากเป็นรองมักจะ ยาที่มีปัญหาผลข้างเคียง และอาจมีราคาแพง และความดันโลหิตสูงมีอาการจนกระทั่งเกิดความเสียหายของอวัยวะตอนนี้ NHLBI แนะนำให้ ชาวอเมริกันทั้งหมด -ไม่ได้เป็นเพียงผู้ที่ มีความดันโลหิตสูง - ทำตามอาหารที่เรียกว่าเส้นประ อาหารสำหรับผู้วิธีการหยุดความดันโลหิตสูง ไขมันต่ำ และอุดมไปด้วยผลไม้ ผัก ธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนม นี้แผนการรับประทานอาหารอย่างมีนัยสำคัญ และความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็วใน hypertensive ร่วมลงทะเบียนการศึกษา multicenter ที่เผยแพร่ใน 17 เมษายน 1997 ปัญหาของนิวอิงแลนด์วารสารการแพทย์อาสาสมัคร 459 ถูกสุ่มกำหนดให้อาหารควบคุมตามที่คนอเมริกันส่วนใหญ่กิน (37% ของแคลอรี่จากไขมัน); ระบบการปกครองคล้ายกับเพิ่มผลไม้และผัก หรืออาหาร "ชุด" ที่ประกอบด้วย 2-7% ของแคลอรี่จากไขมัน มากมายของผลไม้ และผัก ธัญพืช นม ไขมันต่ำ หรือ nonfat และเงินเนื้อ ปลา หรือสัตว์ปีก และถั่ว (สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมในอาหาร DASH ดูเว็บไซต์ http://dash.bwh. harvard.edu)หลังจากต่อชุด หรือเส้นประ แผนแปดสัปดาห์ ผู้ที่ มีความดันโลหิตสูงมีการเฉลี่ย 11.4 mm Hg ดร systolic และ 5.5 mm Hg ลดความดัน diastolic - ผลลัพธ์เทียบเท่ากับการรักษายาบาง ร่วมกับเส้นสูงกดดันปรับปรุงมีประสบการณ์ดี แนะนำว่า อาหารรีบอาจป้องกันบางคนพัฒนาเดชแรก อาหารสูงในเทคโนโลยีของไขมันแต่ยังอุดมไปด้วยผักและผลไม้นอกจากนี้ยังลดความกดดัน แต่ไม่ใช่โดยมากเป็นแผนประ ลดทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงปริมาณเกลือของพวกเขา แอลกอฮอล์ หรือ น้ำหนัก - คนปัจจัยที่จะมีผลต่อความดันโลหิต (ดูกล่อง)เมื่อจำเป็น ยา thiazide diuretics หรือ beta-blockers (โพรพาโนลอล timolol) จะขอแนะนำเป็นบรรทัดแรกของการรักษาความดันโลหิตสูงที่ไม่มีความซับซ้อนจากโรคอื่น ๆ Diuretics ลดความดันโลหิต โดยการส่งเสริมการขับถ่ายโซเดียมและน้ำโดยไต beta-blockers ลดอัตราและแรงในการปั๊มหัวใจเลือดในหลอดเลือดแดงครั้งแรก คำแนะนำแนะนำเรียนเฉพาะยา hypertensive คนมีโรคต่าง ๆ ผู้ที่ มีโรคเบาหวานและมาพร้อมกับความเสียหายไตควรให้ inhibitors ACE (captopril, enalapril), ซึ่งช่วยในการไหลเวียนของเลือด โดยการลดเชื่อมเรือ ผู้รอดชีวิตหัวใจวายควรได้รับ beta-blockers และบางครั้ง ACE inhibitors ผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวควรรับ ACE inhibitors และ diuretics และคนแยก systolic ความดันโลหิตสูง ที่เฉพาะหมายเลขด้านบนจะขึ้น เริ่มต้นกับ diuretics รายงานการให้คำแนะนำต่อโดยใช้ทำหน้าที่สั้นแคลเซียมแชนเนลบล็อก nifedipine เนื่องจากบางการศึกษาแนะนำว่า ยาแบบนี้สามารถซ้ำเติม หรือแม้แต่ส่งเสริมหัวใจเนื่องจากชาวอเมริกันแอฟริกันมีแนวโน้มการ พัฒนาก่อนหน้านี้ในชีวิตกว่า Caucasians ความดันโลหิตสูง และมีความดันโลหิตสูง แพทย์ของพวกเขาและพวกเขาควรระวังอย่างยิ่งของการเกิดโรค ดำมีมากกว่าการ 80% อัตราตายจากโรคหลอดเลือดสมองและ 50% สูงกว่าอัตราตายจากโรคหัวใจมากกว่าขาว กลุ่มนี้มีความไวที่เพิ่มขึ้นใส่เกลือ และรายงานแนะนำว่า diuretics ใช้เป็นการรักษาเบื้องต้นเนื่องจากพวกเขาเอาเกลือออกจากร่างกายความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญสำหรับปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงมาก เพื่อป้องกันทำให้ความรู้สึกมาก สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง มีความสำคัญต่อการทำงานกับแพทย์เพื่อให้ความดันลง ป้องกันและการรักษาอาจหมายถึง ความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย
Being translated, please wait..
Results (Thai) 2:[Copy]
Copied!
New Guidelines
After 25 years of progress in treating and controlling high blood pressure, improvements have begun to slow. Recent data show a slight rise in stroke, increases in kidney disease and heart failure, and a leveling in the death rate from heart disease among U.S. adults.

In response to this troubling trend, the National Heart, Lung, and Blood Institute (NHLBI) has issued new guidelines for the treatment and prevention of hypertension. The report, which was released in November 1997 and is the sixth issued by the agency since 1972, emphasizes lifestyle changes such as losing excess weight, exercising regularly, and eating a diet rich in fruits and vegetables and low-fat dairy foods.

And, for the first time, the NHLBI stratifies patients by blood pressure stage (1, 2, or 3) and into risk groups (A, B, or C). For example, a person with stage 1 hypertension -- 140-159 systolic pressure (the upper number) and 90-99 diastolic (the lower one) -- with no cardiovascular disease, organ damage, or other risk factors (risk group A) is advised to make dietary and exercise changes for a year before turning to medication. The previous guidelines called for initiation of drug therapy after 3-6 months of lifestyle modifications.

About 50 million adults in the United States have high blood pressure readings of 140/90 mm Hg or greater. The systolic reading measures arterial pressure when the heart contracts; the diastolic number is the pressure between heartbeats.

If left untreated, hypertension can lead to kidney disease, stroke, and heart attack. Cardiovascular disease is the leading cause of death among Americans; stroke is the third biggest killer.

Experts believe that many Americans have become complacent about managing their blood pressure because therapy is usually lifelong, some medications have troubling side effects and can be expensive, and hypertension has no symptoms until organ damage occurs.

Now the NHLBI recommends that all Americans -- not just those with hypertension -- follow a diet known as DASH, Dietary Approaches to Stop Hypertension. Low in fat and rich in fruits, vegetables, whole grains, and dairy products, this eating plan significantly and quickly lowered blood pressure in hypertensive participants enrolled in a multicenter study published in the April 17, 1997, issue of the New England Journal of Medicine.

The 459 volunteers were randomly assigned to a control diet based on what most Americans eat (37% of calories from fat); a similar regimen with added fruits and vegetables; or a "combination" diet that contained 2-7% of calories from fat, plenty of fruits and vegetables, grains, low-fat or nonfat dairy products, and small amounts of meat, fish, or poultry, and nuts. (For more detail on the DASH diet, see the Web site http://dash.bwh. harvard.edu).

After following the combination, or DASH, plan for eight weeks, those with hypertension had an average 11.4 mm Hg drop in systolic and 5.5 mm Hg reduction in diastolic pressure -- results comparable to some drug therapies. Participants with borderline-high pressure experienced improvements as well, suggesting that the DASH diet may keep some people from developing hypertension in the first place. The diet higher in fats but also rich in fruits and vegetables also lowered pressure, but not by as much as the DASH plan. All reductions occurred without people changing their salt intake, alcohol consumption, or weight -- factors known to influence blood pressure. (See box.)

When medications are needed, thiazide diuretics or beta-blockers (propranolol, timolol) are recommended as the first line of treatment for hypertension that is not complicated by other diseases. Diuretics lower blood pressure by promoting the excretion of sodium and water by the kidney; beta-blockers decrease the rate and force at which the heart pumps blood into the arteries.

For the first time, the guidelines recommend specific classes of drugs for hypertensive people with various medical conditions. Those with diabetes and accompanying kidney damage should be given ACE inhibitors (captopril, enalapril), which facilitate blood flow by reducing vessel constriction. Heart attack survivors should be treated with beta-blockers and sometimes ACE inhibitors. Heart failure patients should receive ACE inhibitors and diuretics. And people with isolated systolic hypertension, where only the upper number is raised, should start with diuretics. The report advises against using the short-acting calcium channel blocker nifedipine, because some studies suggest that this form of the drug can aggravate or even promote heart problems.

Because African-Americans tend to develop hypertension earlier in life than Caucasians and have higher blood pressure, they and their doctors should be especially mindful of the disease. Blacks have an 80% greater rate of death from stroke and a 50% higher rate of death from heart disease than whites. This group also has an increased sensitivity to salt, and the report recommends that diuretics be used as an initial treatment because they remove salt from the body.

Hypertension is a major risk factor for many serious health problems, so prevention makes a great deal of sense. For those who already have high blood pressure, it is critical to work with a physician to keep pressure down. Prevention and treatment can mean the difference between life and death.
Being translated, please wait..
Results (Thai) 3:[Copy]
Copied!
แนวทางใหม่
หลังจาก 25 ปีของความก้าวหน้าในการรักษาและการควบคุมความดันโลหิตสูง , การปรับปรุงเริ่มช้า ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในจังหวะที่เพิ่มขึ้นในโรคไต โรคหัวใจล้มเหลว และปรับในอัตราการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจของผู้ใหญ่สหรัฐ .

ในการตอบสนองต่อแนวโน้มนี้ดิ้นรน ชาติ หัวใจ ปอดและสถาบันเลือด ( nhlbi ) ได้ออกแนวทางใหม่สำหรับการรักษาและป้องกันความดันโลหิตสูง รายงานซึ่งถูกปล่อยตัวในพฤศจิกายน 1997 และเป็นที่หกที่ออกโดยหน่วยงานตั้งแต่ 1972 , เน้นการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต เช่น ลดน้ำหนักส่วนเกิน ออกกำลังกายเป็นประจำ และการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยผักและผลไม้และนมไขมันต่ำอาหาร

และ เป็นครั้งแรกการ nhlbi stratifies ผู้ป่วยระยะความดันโลหิต ( 1 , 2 หรือ 3 ) และในกลุ่มเสี่ยง ( A , B , C ) ตัวอย่างเช่นผู้ที่มีความดันโลหิตสูงระยะที่ 1 -- 140-159 ความดัน systolic ( ตัวเลขด้านบน ) และ 90-99 คลายตัว ( ล่าง ) -- ไม่มีโรคหัวใจและหลอดเลือด ความเสียหายของอวัยวะหรือปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ( กลุ่มเสี่ยง ) ควรทําการเปลี่ยนแปลงอาหารและการออกกำลังกายเป็นเวลา 1 ปี ก่อนที่จะให้ยา แนวทางการรักษาด้วยยา ก่อนหน้านี้เรียกหลัง 3-6 เดือน การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต .

ประมาณ 50 ล้านผู้ใหญ่ในสหรัฐอเมริกามีการอ่านความดันโลหิตของ 140 / 90 มิลลิเมตรปรอท หรือมากกว่าขณะอ่านวัดความดันในหลอดเลือด เมื่อหัวใจหดตัว หมายเลขล่างคือความดันระหว่างการเต้นของหัวใจ

ถ้าซ้าย untreated สามารถนำไปสู่โรคความดันโลหิตสูง โรคไตวาย โรคหลอดเลือดสมองและหัวใจวาย โรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นสาเหตุของการตายในหมู่ชาวอเมริกัน ; จังหวะเป็นที่สามที่ใหญ่ที่สุด

สุดยอดผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าคนอเมริกันหลายคนกระหยิ่มยิ้มย่องเกี่ยวกับการจัดการความดันโลหิตของตนเอง เพราะการรักษามักจะอยู่ตลอดชีวิต บางโรคมีปัญหาข้างเคียง และสามารถจะแพง และความดันโลหิตสูงไม่มีอาการจนกว่าความเสียหายของอวัยวะที่เกิดขึ้น

ตอนนี้ nhlbi แนะนำว่าคนอเมริกันทั้งหมด -- ไม่เพียง แต่ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง -- ตามอาหารที่รู้จักกันเป็นเส้นประวิธีการหยุดอาหารความดันโลหิตสูง ไขมันต่ำและอุดมไปด้วยผลไม้ ผัก ธัญพืช และผลิตภัณฑ์จากนม , วางแผนการรับประทานอาหารนี้อย่างมากและรวดเร็วลดความดันโลหิตในผู้ป่วยเข้าร่วมลงทะเบียนเรียนในเป็นสหศึกษาตีพิมพ์ใน 17 เมษายน 2540 ฉบับที่ของวารสารการแพทย์นิวอิงแลนด์ .

ส่วนนายอาสามีวัตถุประสงค์เพื่อควบคุมอาหารตามสิ่งที่คนอเมริกันส่วนใหญ่กิน ( 37 เปอร์เซ็นต์ของแคลอรี่จากไขมัน ) ; regimen ที่คล้ายกันด้วยการเพิ่มผักและผลไม้ หรืออาหารที่มี " รวมกัน " 2-7 % ของแคลอรี่จากไขมันมากมายของผักและผลไม้ , ธัญพืช , ไขมันต่ำหรือนมไม่มีไขมัน และ จํานวนน้อย เนื้อสัตว์ ปลา หรือสัตว์ปีกและถั่ว( สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Dash Diet , ดูเว็บไซต์ http://dash.bwh . ฮาร์วาร์ด . edu ) .

หลังจากการรวมกัน หรือ แดช แผนสำหรับแปดสัปดาห์ ผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเฉลี่ย 11.4 มม. ปรอท systolic ลดลง 5.5 มม. ปรอท และลดความดันโลหิต -- ผลการเทียบเคียงบางส่วนการรักษายาเสพติด ผู้ที่มีประสบการณ์การปรับปรุงเส้นเขตแดนแรงดันสูงเช่นกันแนะนำว่าอาหาร DASH อาจทำให้บางคนจากการพัฒนาความดันโลหิตสูงในสถานที่แรก อาหารที่สูงในไขมัน แต่ยังอุดมไปด้วยผักและผลไม้ยังลดแรงดัน แต่ไม่โดยมากเป็นแผน Dash ทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยการลดการบริโภคเกลือของประชาชน , การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือน้ำหนัก -- ปัจจัยที่รู้จักที่จะมีผลต่อความดันโลหิต ( ดูที่กล่อง

)เมื่อโรคเป็น ไทอะไซด์ยาขับปัสสาวะหรือยาต้านเบต้า ( ศึกษาทิโมลอล ) ควรเป็นบรรทัดแรกของการรักษาความดันโลหิตสูงที่ไม่ซับซ้อน โดยโรคอื่น ๆ ยาขับปัสสาวะลดความดันโลหิตโดยการส่งเสริมการขับถ่ายของโซเดียมและน้ำ โดยไต ; ยาต้านเบต้าลดอัตราและบังคับที่ซึ่งหัวใจปั๊มเลือดเข้าไปในหลอดเลือด

ครั้งแรก แนวทางที่แนะนำให้เรียนเฉพาะของยาสำหรับความดันโลหิตสูงกับเงื่อนไขทางการแพทย์ต่างๆ ผู้ที่เป็นเบาหวาน และความเสียหายของไต ซึ่งควรได้รับสารยับยั้ง ACE ( แคป , enalapril ) ซึ่งอำนวยความสะดวกในการไหลของเลือด โดยลดหลอดเลือดตีบ . หัวใจโจมตีผู้รอดชีวิตควรรักษาด้วยยาต้านเบต้าและบางครั้งจากเอซผู้ป่วยภาวะหัวใจล้มเหลวควรได้รับสารยับยั้ง ACE และ diuretics . ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง systolic และแยกที่แค่ตัวเลขด้านบนขึ้นมา ควรเริ่มต้นด้วย diuretics . รายงานแนะกับใช้ม้าล่อแคลเซียมแชนแนลบล็อกเกอร์ไนเฟดิพีน เพราะบางการศึกษาแสดงให้เห็นว่ารูปแบบของยาเสพติดที่สามารถเติมหรือแม้แต่ส่งเสริม

หัวใจมีปัญหาเพราะแอฟริกาอเมริกันมีแนวโน้มที่จะพัฒนาความดันโลหิตสูง ก่อนหน้านี้ในชีวิตมากกว่าคน และมีความดันสูงและแพทย์ของพวกเขาควรโดยเฉพาะอย่างยิ่งระวังโรค คนผิวดำมีอัตราตายมากกว่า 80% จากโรคหลอดเลือดสมองและ 50% อัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจมากกว่าไข่ขาว กลุ่มนี้ก็มีการเพิ่มความไวต่อเกลือและรายงานอื่นขอแนะนำว่าใช้เป็น การรักษาเริ่มต้นเพราะพวกเขาเอาเกลือออกจากร่างกาย

ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญสำหรับปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงมาก ดังนั้น การป้องกันจะทำให้การจัดการที่ดีของความรู้สึก สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูง มันสำคัญมากที่จะทำงานกับแพทย์เพื่อให้ความดันลดลงการป้องกันและการรักษาสามารถหมายถึงความแตกต่างระหว่างชีวิตและความตาย
Being translated, please wait..
 
Other languages
The translation tool support: Afrikaans, Albanian, Amharic, Arabic, Armenian, Azerbaijani, Basque, Belarusian, Bengali, Bosnian, Bulgarian, Catalan, Cebuano, Chichewa, Chinese, Chinese Traditional, Corsican, Croatian, Czech, Danish, Detect language, Dutch, English, Esperanto, Estonian, Filipino, Finnish, French, Frisian, Galician, Georgian, German, Greek, Gujarati, Haitian Creole, Hausa, Hawaiian, Hebrew, Hindi, Hmong, Hungarian, Icelandic, Igbo, Indonesian, Irish, Italian, Japanese, Javanese, Kannada, Kazakh, Khmer, Kinyarwanda, Klingon, Korean, Kurdish (Kurmanji), Kyrgyz, Lao, Latin, Latvian, Lithuanian, Luxembourgish, Macedonian, Malagasy, Malay, Malayalam, Maltese, Maori, Marathi, Mongolian, Myanmar (Burmese), Nepali, Norwegian, Odia (Oriya), Pashto, Persian, Polish, Portuguese, Punjabi, Romanian, Russian, Samoan, Scots Gaelic, Serbian, Sesotho, Shona, Sindhi, Sinhala, Slovak, Slovenian, Somali, Spanish, Sundanese, Swahili, Swedish, Tajik, Tamil, Tatar, Telugu, Thai, Turkish, Turkmen, Ukrainian, Urdu, Uyghur, Uzbek, Vietnamese, Welsh, Xhosa, Yiddish, Yoruba, Zulu, Language translation.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: