Early review indicates that Thai SM

Early review indicates that Thai SMEs account for more than 70 per cent of total manufacturing establishments
in the country. The evidence suggests that SMEs play a vital role in the nation’s economy and wellbeing. The
largest concentration of SMEs, in terms of numbers, can be found in the textile and apparel sector, followed by
food and beverages, metals and metal products, and wood and wood products.
Despite these governmental programs Thailand SMEs still face many challenges, domestic and external, which
could hinder their resilience and competitiveness. They include: i) Ongoing difficulties in obtaining funds from
financial institutions and the government. Usually the interest charges by financial institutions on loans borrowed
by SMEs are high, and this is compounded by a lack of financial transparency by SMEs; ii) A lack of human
capital is the most significant challenge facing Thai SMEs. It is often too expensive for SMEs to employ a
professional and competent workforce; iii) SMEs face a high level of international competition; this includes
from AFTA member countries and competition from MNCs or new competitors (for example from China and
India); iv) A lack of access to better technology and ICT which hinders more efficient and productive business
operations; v) A high level of bureaucracy in government agencies hinders efficient SME business development
operations; vi) A low level of research and development expenditure; and vii) A substantial orientation towards
the domestic rather than international market place.
Having identified some of the challenges facing SMEs in Thailand, we prescribed some strategies that the
government and its agencies responsible for SMEs, and SMEs themselves may adopt. The government should
play a leading role in educating SME practitioners on the incentives available to them and how to access them.
These incentives should be delivered through an establishment that really cares for the success and sustainability
of SMEs in the country.
On the other hand, SMEs in Thailand should not totally rely on government agencies; they should attempt to find
their own path of progress by relying on strategies which allow them to access new markets, increase their
revenue and expand their customer base. First, SMEs facing challenges arising from a more integrated and
liberalized world (for example from AFTA, or the ASEAN-China free trade agreement), should consider
networking and forming strategic alliances as viable options. By identifying and cooperating with these allies,
SMEs in Thailand can gain access to overseas markets, increase sales and revenue, access external sources of
funds, gain technological know-how, and become more resilient and stronger to withstand domestic and foreign
competitive onslaughts among other benefits. Second, SMEs should always invest in market research, R&D, and
innovation in order to increase their competitiveness. By embarking on market intelligence they will be better
able to understand the needs and wants in the marketplace. Such an understanding will assist in delivering
superior value to customers and more than their competitors are able to do. This in turn will increase customer
retention rates. Third, “Small is beautiful” the saying goes. SMEs should therefore leverage the advantages of
being small by deploying the relationship marketing strategy. The relatively small customer base of SMEs makes
them more suitable for long-term customer relationships. By establishing long-term relationships with customers
they are able to build customer loyalty and in turn reduce the cost of operation. Prior research (for example
Reicheld 1993; Ndubisi 2003) has shown that it is far cheaper to serve an existing (loyal) customer than to attract
and serve a new one. Lastly, another strategy SMEs should consider is counter-trade. Counter-trade, or
reciprocal trade, can assist SMEs in overcoming capital shortages, especially when they contemplate going
overseas. A counter-trade strategy can also be used to access closed foreign markets besides allowing for transfer
of technology and technological know-how from advanced countries to SMEs in developing nations like
Thailand.

Results (Thai) 1:

ตรวจทานต้นบ่งชี้ว่า บัญชี SMEs ไทยในกว่า 70 ร้อยละของสถานประกอบการผลิตในประเทศ หลักฐานแสดงให้เห็นว่า SMEs มีบทบาทสำคัญในเศรษฐกิจและสุขภาพที่ดีของประเทศ ที่สามารถพบความเข้มข้นที่ใหญ่ที่สุดของ SMEs ตัวเลข สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มภาค ตามด้วยอาหาร และเครื่องดื่ม โลหะ และผลิตภัณฑ์โลหะ และผลิตภัณฑ์ไม้ และไม้แม้ มีโปรแกรมเหล่านี้รัฐ SMEs ไทยยังเผชิญกับความท้าทายหลาย ในประเทศ และภาย นอก การสามารถขัดขวางการแข่งขันและความยืดหยุ่นของพวกเขา รวม: ฉัน) ความยากลำบากอย่างต่อเนื่องในการรับเงินจากสถาบันการเงินและรัฐบาล โดยปกติค่าธรรมเนียมดอกเบี้ยสถาบันการเงินในการกู้ยืมโดย SMEs จะสูง และนี้จะเพิ่มจากการขาดความโปร่งใสทางการเงินโดย SMEs ii) ไม่มีบุคคลเมืองหลวงคือ ความท้าทายที่สำคัญหันหน้า SMEs ไทย ก็มักจะแพงเกินไปสำหรับ SMEs เพื่อจ้างเป็นบุคลากรมืออาชีพ และเชี่ยวชาญ iii) ระดับสูงของการแข่งขันระหว่างประเทศ หน้า SMEs ซึ่งรวมถึงจากประเทศสมาชิก AFTA และการแข่งขันจาก MNCs หรือคู่แข่งใหม่ (ตัวอย่างจากประเทศจีน และอินเดีย); iv) การขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีและ ICT ที่ทำเพิ่มเติมธุรกิจมีประสิทธิภาพ และมีประสิทธิผลดีขึ้นการดำเนินงาน v) ระดับสูงของข้าราชการในหน่วยงานราชการทำการพัฒนาธุรกิจ SME มีประสิทธิภาพการดำเนินงาน vi) อยู่ในระดับต่ำของรายจ่ายวิจัยและพัฒนา และ vii) ปฐมนิเทศพบต่อสถานตลาดภายในประเทศ มากกว่าต่างประเทศมีระบุของความท้าทายซึ่ง SMEs ในประเทศไทย เรากำหนดกลยุทธ์บางที่รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบใน SMEs และ SMEs เองอาจนำมาใช้ รัฐบาลควรเล่นบทบาทผู้นำในการให้ SME ผู้บนจูงใช้ให้พวกเขาและวิธีการเข้าถึงแรงจูงใจเหล่านี้ควรถูกส่งผ่านทางสถานประกอบการที่ใส่ใจในความสำเร็จและความยั่งยืนจริง ๆของ SMEs ในประเทศบนมืออื่น ๆ SMEs ในประเทศไทยไม่ควรทั้งหมดใช้ในหน่วยงานราชการ พวกเขาควรพยายามที่จะค้นหาเส้นทางของตัวเองของความคืบหน้าโดยอาศัยกลยุทธ์ที่อนุญาตให้เข้าถึงตลาดใหม่ เพิ่มความรายได้ และขยายฐานลูกค้าของพวกเขา แรก SMEs เผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากการรวมมากขึ้น และควรพิจารณาโลกเสรีอย่างมาก (เช่นจาก AFTA หรือข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียนจีน),เครือข่าย และการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เป็นตัวเลือกได้ โดยระบุความร่วมมือกับพันธมิตรเหล่านี้Sme ในประเทศไทยสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศ เพิ่มการขายและรายได้ การเข้าถึงแหล่งภายนอกเงิน ได้รับความรู้เทคโนโลยี และเป็นมากขึ้นความยืดหยุ่น และแข็งแรงทนต่อการภายในประเทศ และต่างประเทศonslaughts แข่งขันระหว่างประโยชน์อื่น ๆ สอง SMEs ควรจะลงทุนในการวิจัยตลาด วิจัยและพัฒนา และนวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของพวกเขา โดยเริ่มดำเนินการในระบบสารสนเทศการตลาด จะดีกว่าสามารถเข้าใจความต้องการและต้องการในตลาด ความเข้าใจดังกล่าวจะช่วยในการส่งมอบค่าห้องกับลูกค้าและคู่แข่งมากกว่าจะได้ทำ นี้ในการเพิ่มลูกค้าอัตราเงินประกันผลงานสำหรับ ที่สาม "ขนาดเล็กมีความสวยงาม" ที่พูดไป Sme ดังนั้นควรใช้ประโยชน์จากข้อดีของการมีขนาดเล็ก โดยใช้กลยุทธ์ทางการตลาดความสัมพันธ์ ทำให้ฐานลูกค้าที่ค่อนข้างเล็กของ SMEsพวกเขาเหมาะสำหรับความสัมพันธ์ลูกค้าระยะยาว โดยการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าพวกเขาจะสามารถสร้างความภักดีของลูกค้า และลดต้นทุนในการดำเนินงานใน งานวิจัยก่อนหน้านี้ (ตัวอย่างReicheld 1993 Ndubisi 2003) ได้แสดงให้เห็นว่า มันถูกกว่าไกลเพื่อให้บริการลูกค้า (ภักดี) ปัจจุบันกว่าเพื่อดึงดูดและบริการใหม่ สุดท้าย กลยุทธ์อื่นที่ SMEs ควรพิจารณาคือ ค้าเคาน์เตอร์ ทวนค้า หรือทางการค้าซึ่งกันและกัน สามารถช่วย SMEs ในมากเพียงใดขาดแคลนทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาคิดไปต่างประเทศ กลยุทธ์ทางการค้าซึ่งใช้ในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศปิดนอกเหนือจากการอนุญาตให้โอนย้ายเทคโนโลยีและเทคโนโลยีความรู้จากประเทศสูงเพื่อ SMEs ในการพัฒนาประเทศเช่นไทย

Results (Thai) 2:

การตรวจสอบในช่วงต้นแสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการ SMEs ไทยบัญชีกว่าร้อยละ 70 ของสถานประกอบการผลิตรวม
ในประเทศ หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าผู้ประกอบการ SMEs ที่มีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของประเทศและคุณภาพชีวิต
เข้มข้นที่ใหญ่ที่สุดของ SMEs ในแง่ของตัวเลขสามารถพบได้ในสิ่งทอและเครื่องแต่งกายภาคตามด้วย
อาหารและเครื่องดื่ม, โลหะและผลิตภัณฑ์โลหะและผลิตภัณฑ์จากไม้และไม้.
แม้จะมีโปรแกรมเหล่านี้ภาครัฐผู้ประกอบการ SMEs ไทยยังคงเผชิญกับความท้าทายหลายประเทศ และภายนอกซึ่ง
อาจเป็นอุปสรรคต่อความยืดหยุ่นและความสามารถในการแข่งขันของพวกเขา พวกเขารวมถึง i) ความยากลำบากอย่างต่อเนื่องในการได้รับเงินทุนจาก
สถาบันการเงินและรัฐบาล โดยปกติแล้วค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของสถาบันการเงินจากการกู้ยืม
จากผู้ประกอบการ SMEs ที่สูงและนี่คือประกอบกับการขาดความโปร่งใสทางการเงินของ SMEs; ii) การขาดมนุษย์
ทุนเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุดหันหน้าไปทางผู้ประกอบการ SMEs ไทย มันมักจะมีราคาแพงเกินไปสำหรับผู้ประกอบการ SMEs ที่จะจ้าง
แรงงานที่เป็นมืออาชีพและมีอำนาจ; iii) การ SMEs ต้องเผชิญกับระดับสูงของการแข่งขันระหว่างประเทศ นี้รวมถึงการ
จากประเทศสมาชิก AFTA และการแข่งขันจากบรรษัทข้ามชาติหรือคู่แข่งใหม่ (เช่นจากประเทศจีนและ
อินเดีย); iv) การขาดการเข้าถึงเทคโนโลยีที่ดีกว่าและ ICT ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อธุรกิจที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
การดำเนินงาน โวลต์) ในระดับสูงของระบบราชการในหน่วยงานภาครัฐเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาธุรกิจที่มีประสิทธิภาพ SME
การดำเนินงาน vi) ระดับต่ำของการวิจัยและพัฒนาค่าใช้จ่าย; และ vii) การวางแนวทางที่สำคัญต่อ
ประเทศมากกว่าที่ตลาดต่างประเทศ.
มีการระบุบางส่วนของความท้าทายที่ต้องเผชิญกับผู้ประกอบการ SMEs ไทยเรากำหนดกลยุทธ์บางอย่างที่
รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบในการ SMEs และ SMEs ตัวเองอาจนำมาใช้ รัฐบาลควร
มีบทบาทนำในการให้ความรู้แก่ผู้ปฏิบัติงาน SME ในการสร้างแรงจูงใจที่มีให้และวิธีการเข้าถึงพวกเขา.
แรงจูงใจเหล่านี้ควรได้รับการส่งมอบผ่านสถานประกอบการที่ใส่ใจจริงๆสำหรับความสำเร็จและความยั่งยืน
ของ SMEs ในประเทศ.
บนมืออื่น ๆ , ผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทยไม่ควรทั้งหมดพึ่งพาหน่วยงานภาครัฐ; พวกเขาควรจะพยายามที่จะหา
เส้นทางของตัวเองของความคืบหน้าโดยอาศัยกลยุทธ์ที่ช่วยให้พวกเขาสามารถเข้าถึงตลาดใหม่ของพวกเขาเพิ่ม
รายได้และขยายฐานลูกค้าของพวกเขา ครั้งแรกที่ผู้ประกอบการ SMEs เผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากการแบบบูรณาการมากขึ้นและ
การเปิดเสรีโลก (เช่นจาก AFTA หรือข้อตกลงการค้าอาเซียนจีนฟรี) ควรพิจารณา
เครือข่ายและการสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เป็นตัวเลือกที่ทำงานได้ โดยการระบุและให้ความร่วมมือกับพันธมิตรเหล่านี้
ผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทยสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศเพิ่มยอดขายและรายได้เข้าถึงแหล่งภายนอกของ
เงินทุนที่ได้รับเทคโนโลยีความรู้และกลายเป็นความยืดหยุ่นมากขึ้นและแข็งแรงที่จะทนต่อประเทศและต่างประเทศ
ขย้อนแข่งขันในหมู่อื่น ๆ ผลประโยชน์ ประการที่สองผู้ประกอบการ SMEs ควรลงทุนในการวิจัยตลาด, R & D และ
นวัตกรรมเพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของพวกเขา โดยเริ่มดำเนินการทางการตลาดที่พวกเขาจะดีขึ้น
สามารถที่จะเข้าใจความต้องการและความต้องการในตลาด ความเข้าใจดังกล่าวจะช่วยในการส่งมอบ
ความคุ้มค่าที่เหนือกว่าให้กับลูกค้าและอื่น ๆ กว่าคู่แข่งของพวกเขาสามารถที่จะทำ นี้ในการเปิดจะเพิ่มลูกค้า
อัตราการยึด ประการที่สาม "ขนาดเล็กที่มีความสวยงาม" ว่าไป ผู้ประกอบการ SMEs ดังนั้นจึงควรใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของ
การเป็นขนาดเล็กโดยการปรับใช้กลยุทธ์การตลาดเชิงสัมพันธ์ ฐานลูกค้าที่ค่อนข้างเล็กของผู้ประกอบการ SMEs ที่ทำให้
พวกเขาเหมาะสำหรับความสัมพันธ์กับลูกค้าในระยะยาว โดยการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าของ
พวกเขามีความสามารถที่จะสร้างความภักดีของลูกค้าและในทางกลับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน การวิจัยก่อน (เช่น
Reicheld 1993; Ndubisi 2003) แสดงให้เห็นว่ามันอยู่ไกลราคาถูกกว่าที่จะให้บริการที่มีอยู่ (ซื่อสัตย์) ของลูกค้ามากกว่าที่จะดึงดูด
และให้บริการใหม่ สุดท้ายผู้ประกอบการ SMEs กลยุทธ์ควรพิจารณาคือการค้าที่เคาน์เตอร์ Counter-การค้าหรือ
การค้าซึ่งกันและกันสามารถให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs ในการเอาชนะการขาดแคลนเงินทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาคิดไป
ต่างประเทศ เคาน์เตอร์กลยุทธ์การค้านอกจากนี้ยังสามารถใช้ในการเข้าถึงตลาดต่างประเทศนอกเหนือจากการปิดให้สามารถถ่ายโอน
ของเทคโนโลยีและเทคโนโลยีความรู้จากประเทศขั้นสูงเพื่อผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศกำลังพัฒนาเช่น
ประเทศไทย

Results (Thai) 3:

ทบทวนก่อนว่าบัญชีสำหรับ SMEs กว่าร้อยละ 70 ของ
สถานประกอบการการผลิตทั้งหมดในประเทศ หลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า SMEs มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศและคุณภาพชีวิต
ความเข้มข้นที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ ในแง่ของตัวเลข สามารถพบได้ในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มตาม
อาหารและเครื่องดื่ม , โลหะและผลิตภัณฑ์โลหะและไม้และผลิตภัณฑ์ไม้
แม้เหล่านี้รัฐโปรแกรม SMEs ไทยยังเผชิญความท้าทายหลาย ภายในและภายนอกประเทศ ซึ่ง
ไม่สามารถขัดขวางยืดหยุ่นของพวกเขาและความสามารถในการแข่งขัน พวกเขารวมถึงผม ) ปัญหาอย่างต่อเนื่องในการได้รับเงินทุนจาก
สถาบันการเงินและรัฐบาล โดยปกติค่าธรรมเนียมดอกเบี้ยเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
โดย SMEs จะสูงและนี่คือประกอบโดยขาดความโปร่งใสทางการเงินของ SMEs ; 2 ) การขาดทุนมนุษย์
เป็นสำคัญที่สุดท้าทายหันหน้าไปทางธุรกิจเอสเอ็มอีไทย มันมักจะแพงเกินไปสำหรับ SMEs การจ้างแรงงาน
มืออาชีพและเชี่ยวชาญ ; 3 ) SMEs หน้าระดับสูงของการแข่งขันระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึง
จากประเทศสมาชิกอาเซียนและการแข่งขันจากบริษัทข้ามชาติ หรือคู่แข่งใหม่ ( ตัวอย่างเช่น จากจีน และอินเดีย ;
) 4 ) การขาดการเข้าถึงที่ดีกว่าเทคโนโลยีและ ICT ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินธุรกิจ
; V ) ระดับของระบบราชการในหน่วยงานราชการ เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติการพัฒนา
ธุรกิจ SME ที่มีประสิทธิภาพ ; 6 ) ต่ำ ระดับของการวิจัยและการพัฒนาค่าใช้จ่าย ;7 ) การปฐมนิเทศและอย่างมากต่อประเทศมากกว่า

มีสถานที่ตลาดระหว่างประเทศ ระบุบางส่วนของความท้าทายของ SMEs ในไทย เรา กำหนด กลยุทธ์บางอย่างที่รัฐบาลและหน่วยงานที่รับผิดชอบ
SMEs และผู้ประกอบการเองอาจนำมาใช้ รัฐบาลควร
เล่นบทบาทในการให้สินเชื่อ ผู้ปฏิบัติงานในบริเวณของพวกเขาและวิธีการที่จะเข้าถึงพวกเขา แรงจูงใจเหล่านี้จะถูกส่งผ่าน
สถานประกอบการที่สนใจ เพื่อความสำเร็จและความยั่งยืนของ SMEs ในประเทศ
.
บนมืออื่น ๆ , SMEs ในไทยจะไม่พึ่งพาหน่วยงานราชการ พวกเขาควรพยายาม ค้นหา
เส้นทางความก้าวหน้าของตนเอง โดยอาศัยกลยุทธ์ที่ช่วยให้พวกเขาในการเข้าถึงตลาดใหม่ เพิ่มรายได้ของพวกเขา
และขยายฐานลูกค้าของตนเอง ครั้งแรกที่ SMEs ต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกิดจากการรวมมากขึ้นและ
เสรีโลก ( ตัวอย่างเช่น จากเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาเซียน จีน ข้อตกลงการค้าเสรี ) ควรพิจารณา
เครือข่ายและสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์เป็นตัวเลือกที่ทำงานได้โดยการระบุและร่วมมือกับพันธมิตรเหล่านี้
SMEs ในประเทศไทยสามารถเข้าถึงตลาดต่างประเทศ เพิ่มยอดขายและรายได้ การเข้าถึงแหล่งข้อมูลภายนอกของ
กองทุน ได้รับความรู้ เทคโนโลยี และกลายเป็นความยืดหยุ่นมากขึ้นและแข็งแรงเพื่อรับมือการแข่งขันในประเทศและต่างประเทศ
onslaughts ระหว่างประโยชน์อื่น ๆ ประการที่สอง ธุรกิจควรลงทุนในการวิจัยตลาด&
R D และนวัตกรรมเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของพวกเขา โดย embarking ในตลาดปัญญาพวกเขาจะดีขึ้น
เข้าใจความต้องการและความต้องการในตลาด เช่น ความเข้าใจจะช่วยในการส่งมอบคุณค่าที่เหนือกว่าแก่ลูกค้า
และมากกว่าคู่แข่งของพวกเขาสามารถที่จะทำ นี้ในการเปิดจะเพิ่มอัตราการรักษาลูกค้า

สาม , " เล็กนั้นงาม " ที่พูดกันว่าSMEs จึงควรใช้ประโยชน์จากข้อดีของ
มีขนาดเล็ก โดยการปรับใช้ความสัมพันธ์ทางการตลาดกลยุทธ์ ค่อนข้างเล็ก ทำให้ฐานลูกค้า SMEs
พวกเขามากขึ้นเหมาะสำหรับความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า โดยการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า
พวกเขาจะสามารถสร้างความภักดีของลูกค้าและลดต้นทุนการดำเนินงาน วิจัย ( ตัวอย่างเช่น
reicheld 1993 ;ndubisi 2003 ) ได้แสดงให้เห็นว่ามันถูกกว่ามากเพื่อให้ลูกค้าที่มีอยู่ ( ซื่อสัตย์ ) มากกว่าที่จะดึงดูด
และให้บริการใหม่ สุดท้ายอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการ SMEs ควรพิจารณาการค้าเคาน์เตอร์ เคาน์เตอร์การค้าหรือการค้า
ซึ่งกันและกัน สามารถช่วย SMEs ในการเอาชนะการขาดแคลนเงินทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาคิดไป
ต่างประเทศเคาน์เตอร์ค้ากลยุทธ์ยังสามารถใช้ในการปิดตลาดต่างประเทศ นอกจากนี้ยังช่วยให้สำหรับการถ่ายโอน
ของเทคโนโลยีและความรู้เทคโนโลยีจากประเทศขั้นสูงเพื่อ SMEs ในการพัฒนาประเทศอย่าง

)