He based his historical sequence of

He based his historical sequence of rock formation on the theory that the Earth had
originally consisted of water. According to this account, the water contained material
which settled out of suspension in a process of sedimentation to form the core of the
planet and the continents as a series of layers, the oldest and hardest being granite while
newer layers showed an increasing number of fossils. Neptunists differed from the
plutonists in holding that basalt was a sedimentary deposit which included fossils and so could
not be of volcanic origin.

Results (Thai) 1:

เขาตามลำดับของประวัติศาสตร์ของหินบนทฤษฎีที่ว่าโลกมีเดิม ประกอบด้วยน้ำ ตามบัญชีนี้ น้ำประกอบวัสดุซึ่งตัดสินจากระบบกันสะเทือนในกระบวนการตกตะกอนในรูปแบบหลักของการโลกและทวีปเป็นชุด ของชั้น เก่า hardest เป็นหินแกรนิตในขณะชั้นใหม่ที่แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มจำนวนของฟอสซิ Neptunists แตกต่างจากการplutonists ในหินบะซอลต์ที่ถูกฝากตะกอนซึ่งรวมฟอสซิ และเพื่อให้ สามารถไม่กำเนิดภูเขาไฟ

Results (Thai) 2:

เขาตามลำดับประวัติศาสตร์ของเขาหินในทฤษฎีว่าโลกได้
ประกอบด้วยเดิมของน้ำ ตามบัญชีนี้น้ำที่มีอยู่วัสดุ
ที่ตัดสินออกมาจากการหยุดชะงักในกระบวนการของการตกตะกอนในรูปแบบหลักของ
ดาวเคราะห์และทวีปเป็นชุดของชั้น, หินแกรนิตเก่าแก่ที่สุดและยากที่สุดเป็นในขณะที่
ชั้นรุ่นใหม่แสดงให้เห็นว่าการเพิ่มจำนวนของซากดึกดำบรรพ์ . Neptunists แตกต่างไปจาก
plutonists ในการถือครองบะซอลต์ที่เป็นเงินฝากตะกอนซึ่งรวมถึงฟอสซิลและอื่น ๆ อาจจะ
ไม่เป็นแหล่งกำเนิดของภูเขาไฟ

Results (Thai) 3:

เขายึดลำดับประวัติศาสตร์ของหินในทฤษฎีว่าโลกมีแรกประกอบด้วยน้ำ ตามบัญชีนี้ น้ำที่บรรจุวัสดุซึ่งตัดสินจากช่วงล่างในกระบวนการของการตกตะกอนในรูปแบบหลักของดาวเคราะห์และทวีปที่เป็นชุดของชั้น ที่เก่าแก่ที่สุดและหนักที่สุด เป็นหินแกรนิต ในขณะที่ชั้นใหม่พบการเพิ่มจำนวนของซากฟอสซิล neptunists มีความแตกต่างจากplutonists ถือว่าเป็นหินตะกอนภูเขาไฟซึ่งรวมถึงซากฟอสซิล และดังนั้น จะฝากไม่ใช่ของภูเขาไฟที่มา